วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

∞LOOP。 Chapter II {โดนแบนคำหยาบ}

∞LOOP
Chapter II


ผมเดินออกจากห้องเพื่อจะออกไปหน้าโรงเรียนหลังจากที่สัญญาณหมดคาบดังขึ้น โดยมีเสียงบ่นของอิลฮุนตามรังควานอยู่ข้างๆ


ผมทำถุงเสื้อหาย..

ครับ ไม่ผิดหรอก ผมทำถุงเสื้อ Givenchy ที่ซื้อมาเมื่อวานหายไป ไม่รู้ไปทำตกไว้ที่ไหน แต่ที่แน่ๆผมต้องเอามันคืนมา..เพราะในนั้นไม่ได้มีแค่เสื้อ กระเป๋าเงินของผมก็ติดไปกับถุงนั้นด้วย
 


"เสื้อกูอ่ะเซฮุน โหยมึงนี่โคตรเลยว่ะ ทำหายได้ไงสัด เสื้อกู.." มันว่าขณะกำลังพยายามสาวเท้าตามผมให้ทัน ก็ขาสั้นนี่นะ..ควรทำใจ
 



ผมกลอกตามองฟ้าอย่างระอา เอาเข้าไป..



"เสื้อมึงที่ว่าน่ะตังค์กูมั้ยครับ เลิกเสียงดังซักทีเหอะ รำคาญ" เมื่อผมพูดจบมันก็หุบปากฉับทันที แต่ก็ยังคงทำท่าทางฟึดฟัดไม่เลิก



ผมเลือกที่จะนั่งลงตรงป้ายรถเมล์ ไอ้อิลฮุนก็เดินหน้ามุ่ยมานั่งข้างๆกัน
 กูไม่ได้ยืมเงินมึงจ่ายค่าเสื้อสักหน่อย..


เลิกทำหน้ามุ่ยเหมือนคนประจำเดือนไม่มาสักที” ผมเหลือบไปเห็นก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา คงเพราะท่าทีเรียบเฉยกว่าปกติของผม มันถึงได้ยกมือขึ้นมาลูบหน้าแล้วพยายามปรับเปลี่ยนอารมณ์ใหม่


"แล้วมึงจะไปไหนต่อเนี่ย” จู่ๆมันก็ถามขึ้นมาหลังจากเงียบไปสักพัก

"เรียนพิเศษ" ผมตอบเสียงเรียบเฉย

"รีบหรอ"

"เรื่องของกู มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ กูอยู่คนเดียวได้" ผมตอบตามความจริง มันเองก็อยู่กับผมมานานจนพอจะเข้าใจกันเลยไม่ได้ถือสาอะไร


"เออ คร้าบ งั้นกูไปละ อยู่คนเดียวให้ได้นะมึง" มันตบหัวผมเบาๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโรงเรียน


ที่มันถามนั่นก็เป็นเพราะปกติเวลาเลิกเรียนแบบนี้ นักเรียนวัยเดียวกับเราส่วนใหญ่เลือกอยู่โรงเรียนกันมากกว่าจะรีบออกไปไหน ผมเองก็เป็นแบบนั้น..แต่อย่างที่บอก



กระเป๋าเงินผมหายไปพร้อมกับถุงเสื้อ..


เพราะเหตุนี้จองชินฮยองเลยบอกว่าจะมารับผมเอง แถมกำชับนักหนาว่าให้รีบออกมาที่ป้ายรถเมล์ เพราะขี้เกียจมาจอดรอผม ซึ่งตอนนี้ก็เป็นผมที่ต้องมารอแทน


เออ ดีจริงๆ..


ไม่ทันไรรถปอร์เช่สีขาวที่แสนคุ้นตาก็เคลื่อนมาหยุดตรงหน้า


ตายยากชะมัด


ผมลุกขึ้นไปที่รถคันนั้น ก่อนจะเปิดประตูโยนกระเป๋าเป้ไปไว้ที่เบาะหลังแล้วเดินมานั่งที่ข้างคนขับอย่างไม่รีบร้อน


"นินทาอะไรในใจอยู่" ยังไม่ทันที่จะปิดประตูรถ ผมก็ถูกยิงคำถามที่ดูไม่น่าจะต้องการคำตอบใส่ทันที ผมไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยักไหล่แทนคำตอบ


ชินแล้วล่ะ..ไม่ว่าผมจะคิดอะไรก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันไปหมด ไม่ชอบเลยแบบนี้..



"จริงๆไม่ต้องมารับก็ได้นะ" ผมพูดขณะที่รถค่อยๆออกตัวช้าๆ


"ก็บอกไปแล้ว ว่านายต้องระวังตัวให้มากกว่านี้"


"แค่ทำของหาย มันก็ไม่เห็นจะสำคัญขนาดต้องมาตามดูแลเหมือนผมเป็นลูกแหง่นี่"


สีหน้าขี้เล่นที่เห็นได้จากคนข้างๆเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที จองชินฮยองปล่อยให้บรรยากาศจมอยู่ในความเงียบสักพัก ก่อนจะถอนหายใจยาว



"ถ้ามันแค่ทำของหายอย่างที่นายว่าก็ดีน่ะสิ.."


ประโยคเข้าใจยากถูกเอ่ยออกมาจากจองชินฮยอง แต่ยังไม่ทันที่ผมได้จะถามอะไร ปอร์เช่คันงามก็จอดเมื่อถึงที่หมาย


"เลิกเรียนแล้วโทรมาด้วย โอเคมั้ย"


ผมพยักหน้ารับกับคำสั่งนั้นก่อนจะก้าวลงจากรถ คำพูดกำกวมเข้าใจยากของฮยองก็ยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง..


ก็แค่ของหายอ่ะ จะเครียดอะไรขนาดนั้น..


เป้ใบโปรดถูกวางลงบนเก้าอี้ในห้องเรียนพิเศษ วันนี้เป็นวันเปิดคอร์ส บรรยากาศในห้องเงียบกริบ ได้ยินแค่เสียงเพลงเห่ยๆที่ถูกเปิดรอเวลาเท่านั้น ถึงผมจะชอบมาก่อนเวลา แต่สำหรับสถานที่แบบนี้บางทีมาก่อนนานๆมันก็น่าเบื่อเกินไป


ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากะว่าจะเล่นเกมส์ฆ่าเวลา แต่ข้อความที่ปรากฏตรงหน้าจอก็เปลี่ยนจุดประสงค์ของผมได้อย่างกะทันหัน


พี่ซูโฮ..



'ว่างมั้ย ออกมาทานเค้กด้วยกันหน่อยสิ ร้านเดิมนะ ฉันจะรอนะ'


'จะไปเดี๋ยวนี้แหละ'


หลังจากอ่านจบผมก็พิมตอบกลับไป สองขาลุกขึ้นแล้วพาตัวเองออกจากห้องเรียนทันที ผมเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอ พี่ซูโฮเพิ่งส่งข้อความมาไม่กี่นาทีนี้เอง อีกอย่างนี่ก็เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลาเรียน


แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกจากห้องผมก็ต้องชะงักเพราะแผงอกกว้างของใครบางคนที่เดินสวนเข้าประตูมา


"หลบหน่อย" ผมเอ่ยโดยที่ไม่ได้สนใจมองด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แต่รีแอคชั่นที่ได้รับคือไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆจากคนตรงหน้า


"จะไปไหน" นอกจากจะไม่ทำตามที่ผมขอแล้วยังสวนคำถามกลับมาอีก มึงเป็นใครวะถึงมาถามแบบนี้..


"เรื่องของกะ.. เห้ย!" ทันทีที่ผมเห็นหน้ามันชัดๆผมก็ต้องผงะถอยหลังโดยอัตโนมัติ


ร่างสูงโปร่ง ดวงตาคมรับกับใบหน้าดุดัน เรือนผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงแต่ก็ดูเข้ากันอย่างประหลาด นี่มันไอ้คนที่มีเรื่องต่อยตีในซอยหอผมเมื่อวานนี่


เดี๋ยวนะ..
ไม่ผิด.. ไม่ผิดแน่ๆ



นี่พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับผมวะ



"บังเอิญเนอะ" ว่าจบเรียวปากก็กระตุกยิ้มกวนอารมณ์ มันคงจะจำผมได้ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น


ผมยอมรับว่าตกใจและหัวเสียมากกับการที่ต้องเจอหน้ามันอีกรอบ แต่เวลานี้คนที่ผมควรจะสนมากกว่าก็คือคนที่รออยู่ที่ร้านเค้กต่างหาก


ใช่ ผมควรจะรีบไป!


"หลบ"
"..." ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ มันก็ยังไม่ยอมไปไหน ไอ้หน้าเดิมยกแขนขึ้นมาเท้ากับกรอบประตูก่อนจะกระตุกยิ้มเย็นใส่ผม


ยิ้มเหี้ยไรวะ..


"ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอสัด.."


"แน่ใจหรอว่าคน.." เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเรียบๆก่อนที่รอยยิ้มเย็นๆดูขี้เล่นนั้นจะให้อารมณ์ที่เปลี่ยนไป..


มันกลับกลายเป็นเจ้าเล่ห์..และน่ากลัว..


ความรู้สึกของผมกระตุกวูบ..ตัวตนของผมที่แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างอิลฮุนมันยังไม่รู้...


ไอ้คนตรงหน้ามันต้องการจะสื่ออะไร.


"..."
"อ้าว เงียบไปเลย รีบไม่ใช่หร.."


ยังไม่ทันที่มันจะพูดจบ ผมก็ผลักมันให้พ้นทางก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากห้องเรียนพิเศษ..



มันก็แค่คำพูดกวนประสาท
บางทีผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้..



แรงสั่นของโทรศัพท์ในมือสะกิดผมให้ตื่นจากห้วงความคิด


'รอเก้อสินะ ตอนนี้ฉันต้องกลับแล้วล่ะ กินเค้กคนเดียวไม่อร่อยเลย :('


ผมช้าไปสินะ..



ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันกลับไปเดินเข้าห้องเรียนที่เพิ่งก้าวออกมา ก็ไม่มีจุดหมายอื่นให้ไปแล้วนี่นา..



ผมถอนหายใจยาวก่อนจะก้าวตรงไปยังเก้าอี้เรียนที่อยู่แถวหน้า ตอนนี้ในห้องเรียนเริ่มมีนักเรียนคนอื่นๆเข้ามานั่งจนแทบไม่มีที่ว่าง


เป็นธรรมดาของห้องเรียนพิเศษที่จะมีเด็กต่างโรงเรียนเต็มไปหมดและผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ถ้าไม่ได้รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมองมา..



เก้าอี้ริมทางเดินแถวหลังสุด..ไอ้บ้านั่น มันนั่งอยู่ตรงนั้น
นี่มันเรียนคอร์สเดียวกับผมหรอ..


เหมือนจะเดาได้ว่าผมกำลังคิดอะไร มันถึงได้ยักคิ้วกวนประสาทให้ผมแบบนั้น


จริงๆแล้ว ถ้ามันไม่กวนตีนผมตั้งแต่ตอนนั้นผมก็คงไปทันนัดพี่ซูโฮแล้ว


มันพยักเพยิดหน้าคล้ายจะชี้ให้ผมดูอะไรบางอย่าง ผมเองก็มองตามไป ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันทำไมว่าต้องทำตามมัน แต่ก็ไม่เห็นเจออะไร


ผมหันกลับมาก็เห็นมันทำสีหน้าเบื่อโลก พร้อมกับนิ้วที่ชี้ลงพื้น แน่นอนว่าผมก้มตาม



เห้ย นั่นมัน..



ถุงกระดาษสีขาวแสนคุ้นตา ข้างในมี Givenchy สีดำตัวเดียวกับที่ผมซื้อที่มยองดง



ไอ้ที่ผมเป็นคนทำหายไปนั่นแหละ..


แน่นอนว่าผมคว้าขึ้นมาทันที ไม่ได้ห่วงเสื้อเท่าไรหรอก ผมห่วงกระเป๋าเงินมากกว่า และก็เป็นไปดังคาด..


มันหายไป!


สมองสั่งให้หันกลับไปที่ไอ้ตัวต้นเหตุอีกครั้ง แล้วผมก็ต้องสบถออกมาทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่ต้องการอยู่ในมือของมัน


ควงไปควงมา..


นี่มันตั้งใจจะกวนประสาทกันชัดๆ
แม่งเอ๊ย!



"สวัสดีนักเรียน"


เสียงอาจารย์ดังขึ้น ทำให้ผมที่กำลังจะลุกไปหาไอ้ตัวการที่ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ต้องนั่งลงที่เดิม


มันทำหน้าตาเรียบเฉย พร้อมกับชี้หนังสือเรียนสลับกับอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้อง ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง



เกลียดรอยยิ้มแม่งชิบหาย..



เวลาผ่านไปช้าราวกับจงใจแกล้งผม ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยหมดความอดทนกับการเรียนขนาดนี้ ยิ่งหันไปเจอกับสีหน้านิ่งๆแล้วในมือชูกระเป๋าเงินของผมเป็นระยะ ยิ่งทำให้ผมอยากจะลุกขึ้นไปดึงมันออกจากมือมันพร้อมกับกระชากคอเสื้อมันเสียเดี๋ยวนั้น


"อย่าลืมทำการบ้านด้วยนะครับนะเรียน อ่า วันนี้แค่นี้ละครับ สวัสดี"


สิ้นสุดการเรียนการสอน ก็สิ้นสุดการอดทนของผมเช่นกัน ผมเก็บของตั้งแต่อาจารย์เริ่มสั่งการบ้าน เพื่อนข้างๆตอนนี้ต่างแยกย้ายออกจากห้อง รวมถึงไอ้นั่นด้วย


ผมว่า.. บางทีผมควรจะถามชื่อมันไว้


ผมหยิบเป้ขึ้นมาสะพายก่อนจะรีบจ้ำเดินตามออกไป ทันทีที่ก้าวพ้นประตูห้องเรียน กระเป๋าเงินที่ผมต้องการก็ยื่นมาตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะคว้ามันก็ถูกดึงกลับไปเสียก่อน


"เอาของกูคืนมา"


เสียงเรียบๆถูกเอ่ยออกจากตัวผม


ความจริงมันควรจะได้ลองชิมหมัดผมซักหมัดสองหมัด ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้คนอยู่เยอะล่ะนะ


"โอ เซฮุน..โรงเรียนมัธยมกวางแด"


มันอ่านชื่อผมจากบัตรนักเรียนในกระเป๋า ผมพยายามจะคว้าคืน แต่ก็ไม่ทำไม่ได้..


"เลิกกวนตีนได้แล้ว"
"กูชื่อจือเทา.. ฮวาง จือ เทา" มันเน้นชื่อมันให้ผมฟังชัดๆทีละคำ
"ใครถามวะ"
"งั้นกูกลับละ"


มันเก็บกระเป๋าเงินของผมเข้ากระเป๋ามันก่อนจะทำท่าหันหลังกลับ


"สัด! ยินดีที่ได้รู้จัก"


ผมตะโกนรั้งมันด้วยประโยคสิ้นคิด..
ไปหมดแล้ว.. สมงสมอง..


แต่มันก็ได้ผล..



"ยินดีก็ยิ้มดิ" มันหันกลับมาสั่งผม


"..."


"เร็ว.."
"กระเป๋ากู คืนด้วยสัด" ผมบ่ายเบี่ยง


"ยิ้ม"
"...เหี้ย" ผมสบถ เหี้ยไรวะ กูไม่ได้ยิ้มพร่ำเพรื่อเหมือนมึงนะสัด
"ยิ้ม.."


"อยากได้นักก็เอาไป" ผมพูดเสียงเรียบ


ไม่มีเวลาจะมาต่อรองอะไรกับมันขนาดนั้น


ยิ้มหรอ..
ตลกแล้ว



เสียงแตรดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง ปอร์เช่สีขาวเคลื่อนมาจอดข้างๆผม กระจกสีดำเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าของคนขับช้าๆ


จองชินฮยอง..



เออ เลิกเรียนแล้วต้องโทรบอกนี่หว่า..
ลืมไปเสียสนิทเลย



"จะไม่เอาจริงดิ ?"


เสียงทุ้มเรียกความสนใจของผมไปอีกครั้ง ผมหันไปมองมัน..


เดี๋ยวนะ..
มันชื่ออะไรแล้วนะ ?


เอ่อ.. ช่างเถอะ



"พี่มึงหรอ.."



มันถามขึ้น ผมเห็นสายตาคมมองผ่านผมไปยังจองชินฮยองที่นั่งอยู่บนรถ


สายตาแปลกๆ ที่ไม่รู้ว่าคิดอะไร
ดวงตาสีนิลคู่นั้น..ซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง ใครจะรู้



"เซฮุน.. ขึ้นรถ"



และที่สำคัญ..สายตาแบบนั้นก็ปรากฏบนใบหน้าของจองชินฮยองเช่นกัน




ร่างสูงโปร่งมองตามปอร์เช่สีขาวเคลื่อนตัวออกไปนิ่งๆ ก่อนจะตัดสินใจขึ้น BMW Classic สีดำสนิทของตัวเองอย่างรวดเร็ว



พาหนะคู่ใจทะยานออกไปในความมืดทันที... เขาเองก็ไม่รู้ว่าปลายทางของมันจะหยุดอยู่ที่ไหน ไม่มีจุดหมายที่จะไป..


แค่อยากขี่ตามปอร์เช่สีขาวคันนั้นไปเรื่อยๆ..



เรื่องนี้มันสนุกกว่าที่กูคิดไว้เยอะเลยว่ะ โอ เซฮุน..









อึดอัด..


คือความรู้สึกเดียวที่ผมสัมผัสได้ในตอนนี้ บรรยากาศภายในรถเงียบกริบ จนได้ยินเสียงของเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงาน จองชินฮยองไม่ปริปากพูดอะไรซักคำตั้งแต่ขับรถออกมา


ไม่สิ ฮยองดูแปลกไปตั้งแต่เจอหน้าไอ้หมอนั่น..


ผมทอดสายตามองถนนโล่งๆสลับกับใบหน้าจองชินฮยอง อยากทำลายบรรยากาศอึมครึมนี่ใจจะขาดแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร..


มันเป็นใคร



คำถามจากจองชินฮยองดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เสียงเรียบๆที่ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรแบบนี้..มันไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลยซักนิด



เพื่อน



ผมตั้งใจตอบเพื่อให้มันผ่านๆไป ฮยองคงรู้สึกไม่ไว้ใจ ถ้าบอกว่าเพื่อนเขาจะได้คลายความกังวลได้บ้าง


ถึงจะไม่ชอบขี้หน้า.. แต่ดูแล้วมันก็ไม่น่าจะเลวร้ายอะไรนี่นา



เพื่อนที่ไหน
ที่เรียนพิเศษไง” ผมตอบออกไปหลังจากที่สมองประมวลผลออกมาได้ว่าควรตอบอย่างไร
“..อืม แล้วไป


เมื่อได้ยินแบบนั้นผมก็ลอบถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก ผมหวังว่าฮยองจะเชื่อผมจริงๆ..ก็ผมไม่อยากให้ฮยองเป็นห่วงนี่ ช่วงนี้เขายิ่งทำตัวเหมือนเป็นพ่อผมอยู่ด้วย


ฮยองเลื่อนมือไปกดเปิดเครื่องเสียง เสียงเพลงร็อคที่ดังขึ้นก็ช่วยให้บรรยากาศที่อึดอัดในตอนแรกดูจะผ่อนคลายลงบ้าง ถึงจะไม่ได้รื่นหูอะไรนัก..แต่อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งฟังเสียงเครื่องปรับอากาศแหละนะ


ไม่นานนักก็ถึงหอของฮยอง หลังจากที่จอดรถเรียบร้อยแล้วเราก็เดินขึ้นห้องกันตามปกติ


หอของฮยองนั้นค่อนข้างจะใหญ่ มันเหมือนคอนโดแทบทุกอย่าง ทั้งพื้นที่และความเป็นส่วนตัว ต่างกันก็แค่ไม่ได้มีห้องแยกออกมาเท่านั้น


การตกแต่งภายในห้องก็ตามสไตล์เขาแหละ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว ครีม น้ำตาล ประเด็นไม่ได้อยู่ที่สีสัน แต่อยู่ที่อายุข้าวของพวกนี้ต่างหาก..


ไม่มีชิ้นไหนต่ำกว่า 300 ปี..


ของทุกชิ้นเป็นของที่ฮยองเก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยยังอายุร้อยเศษๆ


อ้อ..ไม่ผิดหรอก ร้อยเศษๆ


เพราะตอนนี้ก็ปาไปห้าร้อยกว่าๆได้แล้วมั้ง ความจริงถ้านับตามอายุผมควรจะเรียกจองชินฮยองว่า คุณตา คุณทวด อะไรเทือกๆนี้มากกว่า


แล้วถ้านับตามอายุจริงๆ คุณก็ควรจะเรียกผมด้วยคำประมาณนั้นเหมือนกัน อายุของผมเองก็ 91 ย่าง 92 แล้วเหมือนกัน แต่ในเมื่อเกิดมาในเลือดเนื้อเชื้อไขแบบนี้.. ตัวเลขอายุผมนี่คงไม่ต่างอะไรกับเด็กมัธยมของคนทั่วไปล่ะมั้ง



เซฮุน เสียงโทรศัพท์ดังตั้งนานแล้วไปรับสิ


เสียงตะโกนดังออกมาจากในห้องน้ำ ทำให้ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์บ้านที่กำลังแผดเสียงอยู่ นี่เหม่อไปนานแค่ไหนกัน


ผมถอดถุงมือหนังที่ใส่เป็นประจำทุกวันและโยนมันลงบนเตียง สภาพมันดูแย่กว่าเดิม มีรอยขาดเล็กน้อยที่ตำแหน่งสันมือ เพราะถูกมีดปามาเฉี่ยวเมื่อคืน


มีดของไอ้บ้านั่นตอนที่ช่วยผมไว้นั่นแหละ..
มันชื่ออะไรแล้วนะ..เออ ไอ้นั่นแหละ


ตั้งแต่จำความได้ผมก็ต้องใส่อะไรบางอย่างไว้ที่มือทุกวัน แรกๆก็โดนคนรอบข้างสงสัยว่าทำไมต้องใส่ แต่พอเวลาผ่านไปพวกมันก็เลิกถามกันไปเอง ยิ่งพวกครูนี่ถามจนเลิกถามไปแล้ว


ก็ผมไม่ตอบ..จะถามทำไมนักหนาล่ะ
แต่ถึงผมตอบไปก็คงไม่มีใครเข้าใจอยู่ดี..


ผมต้องใส่มันไว้เพื่อปิดบังรอยสักที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิด รอยสักรูปกังหันลมสีดำสนิทที่ปรากฏอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้าย..


รอยสักที่ไม่ได้เกิดเพราะความต้องการ แต่มันเกิดขึ้นเพราะชาติกำเนิดของผม...


แวมไพร์ชั้นสูง..


เผ่าพันธุ์อมตะที่มนุษย์จดจำไว้เพียงตำนาน..
ใครจะรู้ว่ามันจะมีอยู่จริง..


ผมสะดุ้งออกจากภวังค์เมื่อเสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น


ใครมากดออด ออกไปดูด้วย


เสียงตะโกนสั่งดังออกมาจากห้องน้ำอีกรอบ
นี่ก็สั่งจังว่ะเฮ้ย..


โทรศัพท์ก็ยังไม่ทันได้รับ ออดก็ดังอีก


ผมบ่นในใจก่อนจะหูคว้าโทรศัพท์ไร้สายขึ้นมาก่อนจะกรอกเสียงลงไป ขณะเดียวกันสองขาก็พาตัวเองไปที่ประตูห้อง


สวัสดีครับ


พูดเพราะจังวะ


เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากปลายสายทำเอาผมชะงัก.. แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับภาพที่มองเห็นผ่านตาแมวของประตูห้อง


เจ้าของเสียงยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าห้องอย่างกวนอารมณ์ ซึ่งมันก็คือคนที่เพิ่งทำผมหัวเสียเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านนี่แหละ


ไอ้เหี้ยนั่น!!


มึงมานี่ได้ยังไง


ผมกดเสียงเรียบใส่ คนที่อยู่ปลายสายหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงกวน


เปิดประตูหน่อยสิ
กูถามมึงไม่ได้ยินหรือไง


ไอ้ห่านี่..มึงจะกวนตีนกูไปถึงไหน


ขี่มอไซค์ตามมา
สัด.. ตามมาทำไม
กูชื่อฮวางจือเทา ไม่ใช่สัด


ไอ้สัด!! มึงอ่ะสัด!! มึงเลย!!


ผมกำมัดแน่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะเปิดประตูไปเผชิญหน้ากับมันตรงๆ เป็นไงเป็นกัน..


นี่มึงยังจำชื่อกูไม่ได้อีกหรอ


นั่นคือประโยคแรกหลังจากที่ผมเปิดประตูออกไป เจ้าของคำพูดถามผมด้วยสีหน้าที่แสร้งทำใสซื่อ


เห็นแล้วหงุดหงิดชิบหาย..


กูถามว่ามึงมาทำไม


ผมเอ่ยเสียงลอดไรฟันแล้วรีบเดินออกจากห้องเพราะกลัวจองชินฮยองจะมาเห็น


มันถอยหลังไปติดกำแพงฝั่งตรงข้าม ระยะห่างของผมกับมันมีไม่มากเนื่องจากทางเดินไม่ได้กว้างสักเท่าไร


คุยกันตัวต่อตัวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้ามันยังกวนตีนไม่เลิกผมจะได้ฟาดปากมันตรงนี้เลย


ก็แค่อยากรู้ว่าบ้านอยู่ไหน


“...”
อะไรของแม่งวะ จะมาไม้ไหนอีก..


จะได้เอานี่มาคืนถูก


เสียงทุ้มเอ่ยเรียบก่อนผมจะเห็นกระเป๋าเงินเจ้าปัญหาถูกมันแกว่งไปมาตรงหน้า


กูไม่อยากได้คืนแล้ว


ผมปัดมือมันออก ก่อนจะหันหลังกะว่าจะเดินเข้าห้องตัดบทสนทนาไร้สาระนี่ซะ ถ้าขืนยังยืนต่อปากต่อคำกับมันต่อไป มีหวังจิตแพทย์คงได้เจอกับผมเร็วๆนี้แน่


ผมว่าผมไม่ได้เว่อร์เกินไปหรอก..


เอางั้นจริงดิ แต่บัตรทั้งหลายของมึงเนี่ย..มันแปลกๆอยู่นะ
“...”
วันเกิดเหมือนกัน..แต่ปีเกิดเนี่ยหลายเลขซะเหลือเกิน


ผมหันไปหามันทันทีเมื่อจบประโยคเมื่อครู่..


ในกระเป๋าเงินผมก็เหมือนคนทั่วๆไป ที่มีบัตรนู่นนี่นั่น แล้วมันก็ไม่ได้ง่ายเลยกับการที่จะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว สำหรับแวมไพร์ที่ต้องมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ที่มีอายุขัยไม่ถึงเสี้ยวอายุของเรานั้น การโกงข้อมูลปีเกิดจึงเป็นอะไรที่จำเป็นต้องทำ..


และปกติก็ไม่ได้มีใครมายุ่งกับกระเป๋าเงินของผมนี่นา!!


กูสงสัยจริงๆนะ


เห็นมั้ย..ผมไม่ได้เว่อร์หรอกที่บอกว่าถ้าคุยกับมันต่อแล้วผมอาจจะต้องไปพบจิตแพทย์..


เสือก


เป็นครั้งที่สองที่ผมเอ่ยคำนี้กับมัน ก่อนจะตัดสินใจหันหลังหวังจะเดินกลับเข้าห้อง แต่ยังไม่ทันได้ก้าว มันก็คว้าข้อมือผมเอาไว้เสียก่อน..


เหี้ยไรอีกวะ..


เป็นประโยคที่ไม่ต้องเอาขึ้นไปประมวลผลบนสมองก็สามารถเอ่ยออกมาได้ทันที..


แม้มันจะดูเหมือนคำสบถมากกว่าคำถามก็เถอะ..


ขอเบอร์หน่อย
"...



มันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่ผมค่อนข้างตกใจเฉียดไปทางช็อค..


เกิดมาเพิ่งเคยโดนผู้ชายขอเบอร์นี่แหละ..


มันดูไม่ได้รู้สึกอะไรเลยตอนยัดโทรศัพท์ใส่ในมือของผม


ในกระเป๋ามึงมีแต่เบอร์บ้าน กูอยากได้เบอร์มึง
เหี้ยไรของมึงเนี่ย” ผมขมวดคิ้วถาม
กดดิ เร็วๆ


นั่น..เร่งกูอีกไอ้เหี้ยนี่


ผมรู้สึกเหมือนประสาทจะกินจริงๆ แต่ยังคงมีสติพอที่จะสะบัดมือมันทิ้ง ผมก็มีแรงนะ สู้มันได้เหมือนกันไง..


ทำไมกูต้องให้


ผมพูดตามอย่างที่คิด ไม่อ้อมค้อมสักนิด ก่อนประโยคต่อมาจะแทบทำให้ผมล้มทั้งยืน


ก็กูชอบมึง


ผมรู้สึกเหมือนโดนถีบแรงๆที่หน้า เมื่ออีกคนมันพูดประโยคถัดมาอย่างหน้าด้านๆ..


ชอบก็ต้องจีบดิ


"ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!"


พลั่ก!


ผมปิดประตูอัดใส่หน้ามันแรงๆหลังจากที่มอบหมัดให้มันทานไปเรียบร้อย..


สาบานว่าอยู่มาเกือบร้อยปีไม่เคยเจอใครหน้าด้านเท่ามันมาก่อน..


แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินพ้นไปจากประตู ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างสะกิดที่ปลายเท้า ผมจึงอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปมอง


โพสอิทสีขาวถูกสอดเข้ามาทางช่องว่างเล็กๆใต้ขอบประตู..


นี่มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกซีรีย์อยู่หรือไง..

ผมหยิบมันขึ้นมายังไม่ทันได้อ่านก็มีอีกใบส่งเข้ามา ผมจึงหยิบมันมาเรียงในมือก่อนจะอ่านทีละใบ


หมัดหนักชะมัด’ ใบแรก


ขณะกำลังจะอ่านใบที่สองนั้นเอง ก็มีใบที่สามส่งเข้ามา..


ผมไม่ได้ก้มลงไปหยิบ ผมแค่อ่านใบที่สองต่อไป..


ข้างล่างนี่เบอร์กู ยิงมาด้วย’ แล้วก็ตามด้วยลายมือขยุกขยิกที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเบอร์โทร


นี่กูต้องทำตามหรือไง..


โพสอิทใบที่สามถูกผมเก็บขึ้นมาอ่าน แล้วก็ต้องชะงักเหมือนเห็นข้อความบนนั้น..


อีกอย่าง..กูว่ารอยสักมึงสวยดี ; )’


ผมรีบเปิดประตูทันทีที่อ่านจบ ก่อนจะพบแต่ความว่างเปล่า..


ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว..


บ้าชะมัด!! ผมเผลอถอดถุงมือไปด้วยความเคยชิน แล้วก็เปิดประตูไปเจอมันโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องรอยสักเลยสักนิด..



ถึงมันจะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็เถอะ..
แต่มันก็ไม่ควรรู้เรื่องรอยสักของผมอยู่ดี..









TBC.


Talk: ครบร้อยแล้ววว *รัวมือ* แชป2สั้นเนาะ ไรต์สามน้อมรับความผิดด้วยความรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง คือมันมีความผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย เลยเกิดทั้งความล่าช้าและปริมาณ T__T
กริ้ส เห็นคอมเม้นแล้วน้ำตาจิไหล.. โถ่ว..รู้สึกผิดหนักกว่าเดิมคูณ10
ตัวเอง.. คือไม่ชอบตรงไหนเม้นบอกเค้าได้น้า ติดแท็กในทวิตก็ได้ ไรท์สามเครียดแบบไม่แอบอ่ะบอกเลย T^T
แอบสปอย ทฮ เล็กๆ.. สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น สิ่งที่คิดอาจจะไม่ใช่ แล้วอะไรที่ควรไว้ใจ

#นี่มันอินโทร กร้ากก -/-

ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนา..รู้สึกว่าน้องฮุนจะห้าวเหลือเกิน ง๋อยยยน่าร้าก ธูธ
PS I. รบกวนกลับไปเม้นท์ในเด็กดีให้ด้วยน้า *ปาดน้ำตา* 
PS II. คอมเม้น = กำลังใจ กำลังใจเยอะแค่ไหนตอนต่อไปก็มาเร็วแค่นั้น กรี๊ดดดด!!
PS III. ปุจฉา! อยากสกรีมในทวิตเตอร์ทำไงดี วิสัชนา! สกรีมโดยติดแท็กด้วยน้าาาาา #ฟิคชซวท สัญญาว่าจะตามไปอ่านทุกทวีตเลยยย